ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของภาษาบาลี
ภาษาบาลีคำว่า บาลี มาจากคำว่า ปาลี (Pali) “ปาลี” สำเร็จรูปมาจากศัพท์ว่า ”ปาล” ธาตุ แปลว่า ”รักษา” ลง ณี ปัจจัยในนามกิตก์ ปัจจัยที่เนื่องด้วย ณ ให้ลบ ณ ทิ้งเสีย เมื่อประกอบกันจึงมีรูปเป็น ”ปาลี” หรือคำไทย เรียกว่า ”บาลี” หมายถึง ภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์เอาไว้ ซึ่งมีรูปวิเคราะห์ว่า ”พุทฺธวจนํ ปาเลตีติ ปาลี” แปลว่า ”ภาษาใด ย่อมรักษาไว้ ซึ่งพระพุทธพจน์ เหตุนั้น ภาษานั้นชื่อว่า ปาลี”
ภาษาบาลี เป็นภาษาที่เก่าแก่ภาษาหนึ่ง ในตระกูลอินเดีย-ยุโรป (อินโด-ยูโรเปียน) ในสาขาย่อย อินเดีย-อิหร่าน (อินโด-อิเรเนียน) ซึ่งจัดเป็นภาษาปรากฤตภาษาหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นภาษาที่ใช้บันทึกคัมภีร์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เช่น พระไตรปิฎก เป็นต้น โดยมีลักษณะทางไวยากรณ์ และคำศัพท์ที่คล้ายคลึงกับภาษาสันสกฤต ไม่มีอักษรชนิดใดสำหรับใช้เขียนภาษาบาลีโดยเฉพาะ มีหลักฐานจารึกภาษาบาลีด้วยอักษรต่าง ๆ มากมายในตระกูลอักษรอินเดีย เช่น อักษรพราหมี อักษรเทวนาครี จนถึง อักษรล้านนา อักษรขอม อักษรไทย อักษรมอญ แม้กระทั่งอักษรโรมัน (โดยมีการเพิ่มเครื่องหมายเล็กน้อย) ก็สามารถใช้เขียนภาษาบาลีได้
ภาษาบาลีมีลักษณะเฉพาะตัวคือ คำทุกคำ (ยกเว้นจำพวกอัพยยศัพท์) ไม่ว่าจะเป็นคำนามหรือคำกริยา ล้วนแต่มีรากศัพท์ หรือผ่านการประกอบรูปศัพท์ทั้งสิ้น ไม่ใช่จะสำเร็จเป็นคำศัพท์เลยทีเดียว และเมื่อจะนำไปใช้จะต้องมีการแจกรูปเสียก่อน เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ในประโยคเช่น เป็นประธาน เป็นกรรม เป็นต้น
ภาษาไทย แม้จะเป็นภาษาคนละตระกูลกับภาษาบาลีและ สันสกฤต แต่ก็รับเอาคำบาลีและสันสกฤตมาใช้ในภาษาไทยไม่น้อย อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าภาษาอื่นๆ ที่นำมาใช้ในภาษาไทยในปัจจุบัน เช่น ภาษาอังกฤษ แต่เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทยแล้ว ก็มีการเปลี่ยนรูป เปลี่ยนเสียง เปลี่ยนความหมาย ฯลฯ หรือที่เรียกว่าการกลายรูป กลายเสียง กลายความหมาย ฯลฯ นั่นเอง
กำเนิดและความเป็นมาของภาษาบาลี
พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในประเทศอินเดีย ท่ามกลางเจ้าลัทธิทั้งหลาย ในสมัยนั้น ภาษาที่ประชาชนใช้เป็นสื่อในการสื่อสารในสมัยนั้นก็มีมาก พระองค์ทรงเลือกภาษาที่ประชาชนส่วนมากใช้ในการประกาศพระพุทธศาสนา มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษาอะไรกันแน่ในการประกาศพระพุทธศาสนา ในหมู่ชาวพุทธบางส่วนให้ทัศนะว่าภาษาบาลีมีถิ่นกำเนิดจากแคว้นมคธ ในชมพูทวีป (ประเทศอินเดีย) และเรียกว่า ภาษามคธ หรือ ภาษามาคธี นักภาษาศาสตร์บางท่านมีความเห็นว่า ภาษาบาลี (มาคธี) เป็นภาษาทางภาคใต้ของอินเดีย บางท่านเห็นว่า เป็นภาษาทางตะวันตกของอินเดีย และเป็นคนละภาษากับภาษาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช ส่วน Mr. T.W. Rhys Davids ประธานสมาคมบาลีปกรณ์ให้ทัศนะว่าภาษาบาลีน่าจะมีรากฐานมาจากภาษาของชาวโกศล โดยให้เหตุผลว่า สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าอยู่ที่แคว้นโกศล ภาษาแม่ของพระพุทธเจ้าก็คือภาษาของชาวโกศล
จึงสรุปได้ว่าภาษาบาลี ไม่ปรากฏที่มาที่ชัดเจน และเป็นที่ถกเถียงเรื่อยมาโดยไม่มีข้อสรุป พระพุทธโฆสาจารย์พระอรรถกถาจารย์ผู้มีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๑๐ อธิบายว่าภาษาบาลีเป็น “สกานิรุตติ” คือภาษาที่พระพุทธเจ้าตรัส พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมด้วยภาษาบาลี เพราะในสมัยนั้น ประเทศอินเดียมีภาษาหลักอยู่ ๒ ตระกูล คือ ภาษาปรากฤต และ ภาษาสันสกฤต
ภาษาปรากฤตแบ่งย่อยออกเป็น ๖ ภาษา คือ
ภาษามาคธี ภาษาที่ใช้พูดกันอยู่ในแคว้นมคธ
ภาษามหาราษฎรี ภาษาที่ใช้พูดกันอยู่ในแคว้นมหาราษฎร์
ภาษาอรรถมาคธี ภาษากึ่งมาคธี เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาษาอารษปรากฤต
ภาษาเศารนี ภาษาที่ใช้พูดกันอยู่ในแคว้นศูรเสน
ภาษาไปศาจี ภาษีปีศาจ หรือภาษาชั้นต่ำ และ
ภาษาอปภรังศ ภาษาปรากฤตรุ่นหลังที่ไวยากรณ์ได้เปลี่ยนไปเกือบหมดแล้ว
ภาษาบาลี ใช้ถ่ายทอดเผยแผ่และบันทึกพุทธพจน์เรื่อยมา จนกลายเป็นภาษาที่ใช้เป็นหลัก ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท มีพระไตรปิฎกเป็นต้น ในการเขียนภาษาบาลีไม่มีอักษรชนิดใด สำหรับใช้เขียนโดยเฉพาะสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นอักษรมาคธี แต่สามารถประยุกต์ใช้กับภาษาของประเทศนั้น ๆ ที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่ถึง เช่น พระพุทธศาสนาเผยแผ่ถึงประเทศไทย ก็ใช้อักษรไทย เป็นต้น
พัฒนาการของภาษาบาลี
สำหรับ ภาษาบาลี มีวิวัฒนาการมายาวนาน มีการใช้ภาษาบาลีเพื่อบันทึกคัมภีร์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นจำนวนมาก Wilhem Geiger นักปราชญ์บาลีชาวเยอรมัน ได้เขียนหนังสือในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ คือ Pali Literatur โดยแบ่งวิวัฒนาการรูปลักษณะของภาษาบาลีไว้ ๔ ยุคคือ
ยุคคาถา (Gatha Language)
บาลีที่ใช้ในยุคนี้ ได้แก่ ภาษาที่ท่านประพันธ์เป็นคาภา หรือร้อยกรอง คำศัพท์มีลักษณะเหมือนภาษาอินเดียโบราณ เพราะการใช้คำยังเกี่ยวข้องกับภาษาไวทิกะที่ใช้บันทึกคัมภีร์พระเวท
ยุคร้อยแก้ว (Prose Language)
ได้แก่ภาษาร้อยแก้ว ที่มีในพระไตรปิฎกดังที่ทราบกันแล้วว่า พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ส่วนมากเป็นประเภทร้อยกรองและคติพจน์สั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะของร้อยกรอง นักปราชญ์ส่วนมากมีความเห็นว่า บทร้อยแก้วในพระไตรปิฎกนั้นเติมเข้ามาในภายหลัง เพราะรูปแบบเป็นภาษาอินโดอารยันสมัยกลาง แตกต่างจากสันสกฤตแบบพระเวทอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ ภาษาในพระไตรปิฎกจึงเขียนในยุคนี้
ยุคร้อยแก้วระยะหลัง (Post-canonical Prose Language)
เรียกชื่ออีกอย่างว่า “ร้อยแก้วรุ่นอรรถกถา” ได้แก่ บทร้อยแก้วที่แต่งขึ้นทีหลัง โดยพระอรรถกถาจารย์ต่างๆ นับว่าเป็นช่วงระยะเวลาหลังพระไตรปิฎก ราวศตวรรษที่ ๕ เป็นต้นไป ดังตัวอย่างในคัมภีร์ เนตติปกรณ์ มิลินทปัญหา วิมุตติมรรค และวิสุทธิมรรค เป็นต้น
ยุคร้อยกรองประดิษฐ์ (Artificial Poetry)
ภาษาที่ใช้ในยุคนี้เป็นการผสม ผสานระห่วงภาษาเก่าและภาษาใหม่ กล่าวคือคนแต่งสร้างคำใหม่ๆ ขึ้นใช้เพื่อให้ไพเราะดูและสวยงามและเหมาะสมกับการเวลาในช่วงนั้นๆ
สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อจากภาษามาคธี เป็นภาษาบาลี
ภาษามาคธี หรือ ภาษามคธ เป็นภาษาที่พระพุทธเจ้าทรงใช้สั่งสอนประชาชน ครั้นต่อมาพระพุทธศาสนาได้มาเจริญแพร่หลายที่ประเทศศรีลังกา ภาษามาคธีได้ถูกนักปราชญ์แก้ไขดัดแปลงรูปแบบไวยากรณ์ให้กระทัดรัดยิ่งขึ้น จึงมีชื่อใหม่ว่า “ปาลี” หรือ ภาษาบาลี เป็นภาษาจารึกพระไตรปิฏกดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน
เป็นธรรมดาของภาษาที่มีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ทำให้ภาษามีการเปลี่ยนแปลง ภาษาบาลีก็เป็นเช่นเดียวกัน มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ “ภาษามาคธี” กลายชื่อเป็น “ภาษาบาลี” ไว้ดังนี้
๑.) ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานานถึง ๒,๕๐๐ ปี หลักภาษาและถ้อยคำสำนวนของภาษามาคธีหรือภาษาของชาวมคธสมัยพุทธกาล ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลากลายเป็นภาษามาคธีในยุคใหม่ ทำให้ภาษามาคธีที่ใช้ในวัฒนธรรมบาลีกลายเป็นภาษาโบราณไป การจะถือว่าบาลีใช้ภาษามาคธีก็ไม่ถูกต้องนัก จึงเรียกเสียใหม่ว่า “ภาษาบาลี” เพื่อตัดปัญหาความเข้าใจผิดที่จะนำภาษาบาลีไปเปรียบเทียบกับภาษามาคธีสมัยใหม่
๒.) เนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษาสุทธมาคธีเป็นหลักในการประกาศพระพุทธศาสนาให้เข้าถึงชนทุกชั้นวรรณะ ท่านได้ทรงปรับปรุงแก้ไขภาษาสุทธมาคธี ซึ่งชั้นเดิมเป็นภาษาปรากฤตให้ดีขึ้น เมื่อเป็นภาษามาคธีที่ดีและไพเราะขึ้นด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้าแล้ว ภาษามาคธีก็มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “บาลี“ ซึ่งแปลว่า “แบบแผน“
โรงเรียนปริยัติธรรมในปัจจุบันนี้ภาษาบาลีมีการศึกษาอย่างกว้างขวางในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท เช่น ไทย พม่า เป็นต้น แม้กระทั่งในต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษก็มีผู้สนใจในพระพุทธศาสนา โดยการจัดตั้งสมาคมบาลีปกรณ์ (Pali Text Society) ขึ้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๔
เฉพาะในประเทศไทย ได้มีการศึกษาภาษาบาลีมาช้านานแล้ว โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับไวยากรณ์ถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีโรงเรียนสอนภาษาบาลี ให้กับภิกษุสามเณรทั่วประเทศไทย เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม และยังมีเปิดสอนในลักษณะหลักสูตรเร่งรัดที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งกล่าวคือมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยเฉพาะที่มหามกุฏราชวิทยาลัยนั้น ได้ดำเนินการเรียนการสอนภาษาบาลี ให้บรรดาแม่ชี ซึ่งแบ่งเป็น ๙ ชั้นเรียกว่า บ.ศ.(บาลีศึกษา) ๑-๙ มาเป็นเวลาช้านาน และปัจจุบันนี้ ก็มีแม่ชีสำเร็จการศึกษาเปรียญ ๙ ตามระบบนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ที่มา : http://www.buddhabucha.net/history-of-pali-language/
เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
ตอบลบมีประโยชน์มากครับ
ตอบลบโอเคเลย
ตอบลบ