การเขียนสระและพยัญชนะในภาษาบาลี
๒๓. ภาษาบาลี ไม่มีรูปอักษรเป็นของตัวเอง ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะอาศัยภาษาของกลุ่มชนที่รับเอาภาษาบาลีนี้ไปใช้ ดังนั้น จึงอนุโลมโดยใช้ภาษาของชนกลุ่มนั้น ๆ ดังนั้น ในที่นี้จึงใช้หลักเกณฑ์และเครื่องหมายในภาษาไทยมาเขียนด้วย.
วิธีเขียนแทนเสียงสระ
การเขียนสระ มีวิธีเขียนโดยใช้เครื่องหมาย แบ่งออกเป็น ๒ รูปแบบ ดังนี้คือ
๑. แบบรูปสระลอย
๒. แบบรูปสระจม
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
๑.แบบรูปสระลอย เป็นการเขียนสระที่ไม่ต้องผสมกับพยัญชนะ คือ แบบที่ไม่มีพยัญชนะอาศัยสระนั้นอยู่ จะใช้ตัว อ ประกอบกับเครื่องหมายที่ใช้เขียนแทนเสียงสระนั้น ๆ ยกเว้นเสียง อ เพียงเสียงเดียวที่จะใช้เพียงแต่ตัว อ เขียน โดยไม่มีรูปวิสรรชนีย์ประกอบอยู่ด้วย ดังนี้ คือ
อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
๒. แบบรูปสระจม คือ แบบที่มีพยัญชนะอาศัยสระตัวนั้นอยู่ จะต้องเอาตัว อ ที่ ประกอบกับเครื่องหมายที่ใช้เขียนแทนเสียงสระนั้น ๆ ออก เหลือไว้เพียงรูปเครื่องหมายที่เรียกว่า ลากข้าง เป็นต้น ดังนั้น ในรูปสระจมของเสียง อ (อะ) จึงไม่มีเครื่องหมายอะไร ๆ ให้มองเห็น เพราะ อ จมหายเข้าไปในพยัญชนะ เช่น กฺ + อุ = กุ ดังนี้ คือ
- -า - ิ -ี -ุ -ู เ- โ-
การที่จะรู้ว่า มีเสียง อ ที่ใช้ในรูปสระจมนั้น จะกล่าวต่อไปข้างหน้า.
วิธีเขียนแทนเสียงพยัญชนะ
การใช้เครื่องหมายแทนตัวหรือเสียงพยัญชนะนั้น มีรูปแบบดังนี้
๑. แทนเสียงพยัญชนะที่มีสระประกอบท้าย
๒. แทนเสียงพยัญชนะที่ไม่มีสระประกอบท้าย
๓. แทนเสียงพยัญชนะตัวสุดท้าย (นิคคหิต)
มีรายละเอียดดังนี้
๑. แทนพยัญชนะที่มีสระประกอบท้าย
การเขียนตัวหนังสือแทนเสียงพยัญชนะแบบนี้ เพียงแต่เขียนตัวพยัญชนะตัวนั้น ๆ เพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องเติมเครื่องหมายจุดบอด (.) ไว้ใต้พยัญชนะตัวนั้น ๆ และการเขียนตัว หรือตัว นั้น จะไม่ใส่เชิงไว้ข้างใต้.
๒. แทนพยัญชนะที่ไม่มีสระประกอบท้าย
การเขียนในแบบนี้ จะใส่จุดบอด (.)ไว้ใต้พยัญชนะตัวนั้น ๆ เพื่อให้รู้ว่า ไม่มีเสียงสระใด ๆ อยู่ถัดจากพยัญชนะตัวนั้น ๆ.
๓. แทนพยัญชนะตัวสุดท้าย (นิคคหิต)
การใช้เครื่องหมายแทนเสียงนิคคหิตนั้น จะใช้เครื่องหมาย (- ) หรือที่เรียกว่า หยาดน้ำค้าง เป็นตัวแทน และเครื่องหมายนี้จะมีได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ต่อจากสระเสียงสั้น
คือ อ อิ อุ เท่านั้น ทั้งที่เป็นรูปสระลอยหรือจม.
วิธีเขียนพยัญชนะที่ประกอบกับสระ
เนื่องจากที่ว่า พยัญชนะออกเสียงตามลำพังตนเองไม่ได้ ส่วนสระออกเสียงได้ตามลำพัง ดังนั้น การเขียนรูปสระจึงมีสองแบบตามที่กล่าวมาแล้ว คือ แบบสระลอย (ไม่มีพยัญชนะอาศัย) แบบสระจม (มีพยัญชนะอาศัย) ส่วนการอาศัยของพยัญชนะนั้น ก็มีอยู่ ๒ แบบด้วยกัน คือ
๑. แบบที่อาศัยสระเสียงหลัง (ปราสยพยัญชนะ)
๒. แบบที่อาศัยสระเสียงหน้า (ปุพพาสยพยัญชนะ)
การเขียนพยัญชนะที่อาศัยสระต่างกันนั้น มีวิธีการดังนี้
๑. แบบที่อาศัยสระเสียงหลัง (ปราสยพยัญชนะ)
พยัญชนะที่อาศัยสระเสียงหลังมี ๓๒ ตัว คือ ตั้งแต่ ก ไปจนถึง ฬ โดยเว้นตัวสุดท้ายเสีย คือ นิคคหิต การเขียนพยัญชนะร่วมกับสระในแบบนี้ จะใช้รูปสระจมเสมอ ตัวอย่างเช่น กฺ + อ เป็น ก, กฺ + อา เป็น กา, กฺ + อิ เป็น กิ, กฺ + อี เป็น กี
กฺ + อุ เป็น กุ, กฺ + อู เป็น กู, กฺ + เอ เป็น เก, กฺ + โอ เป็น โอ
สำหรับการวางตำแหน่งของตัวหนังสือนั้น ก็เหมือนกับที่ใช้ในการเขียนภาษาไทย และตัวพยัญชนะที่ไม่มีรูปสระจม อื่นใดประกอบอยู่ กับทั้งไม่มีจุดบอด ( . ) อยู่ข้างใต้ พึงทราบว่า พยัญชนะตัวนั้น มีเสียงของสระอ (อะ) ประกอบอยู่ ดังเช่น ก นั้น.
๒. แบบที่อาศัยสระเสียงหน้า (ปุพพาสยพยัญชนะ)
พยัญชนะที่อาศัยสระเสียงหน้ามีเพียงหน่วยเดียว คือ นิคคหิต อันเป็นพยัญชนะตัวสุดท้าย โดยจะเขียนไว้เหนือตัวหนังสือที่มันเข้าไปเกี่ยวข้อง การเขียนร่วมกับสระก็ใช้ได้กับสระทั้ง ๒ แบบ คือ ทั้งแบบสระลอย และแบบสระจม ดังนี้ คือ
แบบสระลอย เขียนว่า อ + เป็น อํ, อิ + เป็น อึ, อุ + เป็น อุ
แบบสระจม เขียนว่า กฺ + อ + เป็น กํ, กฺ + อิ + กึ, กฺ + อุ + เป็น กุ